Search
Search
Close this search box.
Physical testing of pulp,เยื่อ,Testing Equipment, เครื่องมือวัด,Chemical House

คุณสมบัติทางกายภาพ ของเยื่อ

จากบทความที่แล้วนั้น ได้มีให้ความรู้เกี่ยวกับด้านเยื่อ (Pulp) และการทดสอบคุณสมบัติต่างๆของ เยื่อ และกระดาษไปแล้วนั้น ยังขาดด้าน คุณสมบัติทางกายภาพ ของเยื่อ ซึ่งเราจะมากล่าวในบทความนี้กัน

Physical testing of Pulp (คุณสมบัติทางกายภาพ ของเยื่อ)

การทดสอบคุณสมบัติทางกายภาพนั้น จะมีผลมาจากของตัวเส้นใย และพันธะระหว่างเส้นใย (Interfiber bonding) ซึ่งใน

การทดสอบทางกายภาพจะมีขั้นตอนการทดสอบ ดังนี้

  1. Pulp beating or refining การบด ทำให้เกิดพันธะระหว่างเส้นใย (Interfiber bonding)
  2. Freeness measurement การวัดค่าการระบายน้ำ
  3. Handsheet making การทำแผ่นด้วยเครื่อง Sheet former
  4. Handsheet conditioning ปรับสภาวะของ handsheet ตามมาตรฐาน
  5. Sample cutting เตรียม และตัดตัวอย่าง
  6. Optical testing
  7. Strength testing

Drainability (Freeness)

ในการทดสอบค่าการระบายน้ำของเยื่อ หรือ Canadian Standard Freeness (CSF) นั้น จะเป็นการวัดปริมาณของน้ำ ที่ไหลผ่านออกมาจากเยื่อ  ซึ่งจะขึ้นอยู่ปริมาณการบด โดยในขนาด Lab Scale ในการบดนั้น เราจะนิยมใช้สองเครื่องคือ Valley Beater หรือ PFI Mill ในการบดเพื่อนำมาทดสอบหาค่า Freeness หรือค่าการระบายน้ำ

Beater (PFI Mill and Valley Beater) and Freeness
Beater (PFI Mill and Valley Beater) and Freeness

ในการวัดค่า Freeness นั้นจำเป็นต้องควบคุมอุณหภูมิของน้ำ และความเข้มข้นของเยื่อตามมาตรฐาน โดยจะกำหนดอยู่ที่ Temperature 20 องศาเซลเซียส และ Consistency 0.3% แต่ถ้าอุณหภูมิ หรือความเข้มข้นแตกต่างไปจากที่กำหนด ก็จะมีตารางการคำนวณในการปรับค่า ตามมาตรฐาน

  • ถ้าน้ำไหลผ่านเร็ว (ปริมาณน้ำมาก) -> ค่า Freeness สูง -> อาจเกิดพันธะระหว่างกันน้อย ทำให้น้ำไหลผ่านได้ง่าย และไม่เกิดการอุ้มน้ำ อาจจะเกิดการบดที่น้อยเกินไป
  • ถ้าน้ำไหบผ่านช้า (ปริมาณน้ำน้อย) -> ค่า Freeness ต่ำ -> มีการเกิดพันธะกันมากขึ้น ทำให้น้ำไหลผ่านได้น้อยลง หรืออาจจะเกิดการบดที่เยอะเกินไป ทำให้อาจขาดเป็นเส้นเล็กๆ หรือ fines เยอะ

Pulp Strength (ความแข็งแรงของเยื่อ)

Pulp strength หรือความแข็งแรงของเยื่อนั้น ก็จะมีหลักๆทดสอบด้วยกัน 4 ค่า แต่ก่อนที่เราจะไปทำการทดสอบทั้ง 4 ค่านั้น ก็จำเป็นต้องมีการฟอร์มแผ่นขึ้นมาด้วย Sheet former เพื่อทำ Handsheet  และก็จะเหมือนกับการหาค่า Freeness คือต้องมีการควบคุมสภาวะ หรือ Condition ในการทดสอบค่าความแข็งแรง จะกำหนดอุณหภูมิอยู่ที่ 23 องศาเซลเซียส และ % RH อยู่ที่ 50%  หรือในประเทศที่อยู่ในเขตร้อนชื้น หรือประเทศไทยนั้น จะกำหนดอุณหภูมิอยู่ที่ 27 องศาเซลเซียส และ % RH อยู่ที่ 65%  โดยจำเป็นต้องนำ Handsheet ที่เราฟอร์มมานั้นไปปรับสภาวะตามที่กำหนดไว้ก่อนนำมาทดสอบ

Sheet Former and Strength Properties
Sheet Former and Strength Properties

สำหรับทดสอบค่าความแข็งแรงต่างๆ โดยค่าความแข็งแรงที่พูดถึงมีดังนี้

  • Tensile Strength ค่าความแข็งแรงต่อแรงดึง
  • Tear Strength ค่าความแข็งแรงต่อการฉีกขาด
  • Burst Strength ค่าความแข็งแรงต่อการดันทะลุ
  • Fold Endurance ค่าความแข็งแรงต่อการหักพับ

Optical properties

การทดสอบด้านการมองเห็นของ เยื่อ และกระดาษ โดยจะเป็นการทดสอบที่มีการใช้แสงเข้ามาเกี่ยวข้อง เพื่อดูลักษณะที่ผลิตออกมา

  • Brightness ค่าความขาวสว่าง ยิ่งมี % มากแสดงว่า มีค่าความขาวสว่างมาก ซึ่งอาจจำเป็นต้องใช้สารเคมีใส่เข้าไปเพื่อเพิ่มค่าความขาวสว่าง
  • Opacity ค่าความทึบแสง ยิ่งมี % มากยิ่งมีความทึบแสงมาก คือยอมให้แสงผ่านได้น้อย จะเป็นค่าที่ตรงข้ามกับค่า Transmission
  • Light scattering coefficient

จากการทดสอบด้านกายภาพที่กล่าวมานั้น ก็จะเป็นการทดสอบขั้นพื้นฐาน ขึ้นอยู่กับคุณสมบัติของเยื่อ หรือของกระดาษที่เราต้องการผลิต ซึ่งอาจจะมีการทดสอบอย่างอื่นเพิ่มเติมขึ้นมาได้อีก ซึ่งจากการทดสอบทั้งหมดที่กล่าวมานั้น ทาง Chemical House เองก็เป็นตัวแทนจำหน่ายของทดสอบของทางด้านเยื่อ และกระดาษ ที่ครอบคลุมการทดสอบต่างๆ เรามีทั้งแบรนท์อเมริกา ยูโรป ญี่ปุ่น รวมถึงจีน เช่น KRK, Frank PRI, Regmed, Thwing Albert เป็นต้น

สามาถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ ppsales@chemihouse.com

หรือ Add Line OA จาก QR Code ด้านล่าง

Share the Post:

Related Posts

Scroll to Top

Contact us